วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ราชภัฏ.......เซียงกง

ราชภัฏ.......เซียงกง
             สถานที่โอ่อ่า ตึก(เก่า)เรียงเป็นสิบ และยูนิฟอร์มขาวดำ ถ้าไม่มีใครโง่เกินก็คงเดาออกว่าสิ่งที่เกริ่นมาเหล่านั้น คือ มหาวิทยาลัย อ่านว่า มะ-หา-วิด-ทะ-ยา-ไล สถานที่ใครๆต่างก็เชิดชูว่าเป็นสถานที่ของคนมีการศึกษา สถานที่ที่ถูกตั้งความหวังว่าจบออกมาแล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน
           แต่ ไม่ใช่ใครจะได้จบหรือจบออกมาแล้ว ก็ใช่ว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าคนนายคนทุกคนไป แน่นอนว่าดิฉันก็ถูกตั้งความหวังอย่างนั้นไว้เช่นกัน แต่ปัจจัยที่จะทำให้นักศึกษาทุกคนจบมามีมาตรฐานได้นั้นไม่ใช่เพียงแค่เงินทองที่พ่อแม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ขายแรงงาน หรือขายควายเพื่อส่งให้ลูกสาว ลูกชายได้เรียนเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญจริงๆอีกอย่างที่ขาดไม่ได้สำหรับการศึกษาของเด็กไทยเลยก็คือ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ที่ที่ไว้เวลาฝึกปฏิบัติสำหรับนักศึกษาทุกเอก อุปกรณ์ที่เหมาะกับค่าเทอมที่แพงหูฉี่ ทั้งๆที่ก็เป็นแค่มหาวิทยาลัยของรัฐ แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงหนังสือ 2 เล่ม กับบุคลากรผู้มีการศึกษาเข้ามาอ่านหนังสือให้ฟัง ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ดิฉันได้นั่งคิดทบทวนว่า ไอ้เงินหมื่นกว่าบาทที่ทางบ้านต้องสละมาจ่าย เพื่อเป็นค่าการศึกษาให้ลูกสาว ได้กลับมาเพียง 2 อย่างแค่นั้นเองเหรอ ไหนละ ทรงปัญญา ศรัทธาธรรม นำสังคม จริงหรอไอ้ที่ว่า นำสังคม หากเปรียบเด็กราชภัฏเป็นสินค้าก็คงเป็นสินค้าเลหลัง ที่ไม่มีใครอยากได้ต้องเอาออกมาเร่ขายใหม่อีกรอบ โดนคนเลือกๆ รื้อๆ เหมือนเป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดมืด เหมือนเป็นอะไหล่เซียงกงที่ถูกนำมาโมแทนอะไหล่แท้ราคาแพงๆ สำหรับคนที่ไม่มีกำลังจะซื้อกับคำที่ถูกปลูกฝัง ว่าให้ภูมิใจในความเป็นราชภัฏ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็ได้เพียงแค่ใบรับรองสินค้า สินค้าจะถูกส่งไปไหนก็แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง จะได้มาตรฐานหรือไม่ได้มาตรฐานนั้น ก็ต้องมาลุ้นกัน
           แล้วถ้าเกิดมันไม่ได้มาตรฐานล่ะ ใคร ใครกันที่จะมาดูแลตรงนี้ ใครที่จะช่วยยกระดับ คำว่า ราชภัฏ หรือจะปล่อยให้คำว่าราชภัฏเป็นได้แค่อะไหล่เซียงกงต่อไป....ไม่รู้เหมือนกันว่า Volkswagen สีเหลืองอ๋อยที่จอดอยู่หน้าพารากอนจะถูกโมด้วยเครื่องเซียงกงรึเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น